คํา ศัพท์ ที่ เติม Ed
- วิธีการทำ Flash card จำคำศัพท์ – ED-ENG
- กฏการเติม ed ที่คำกริยา
- คํา ศัพท์ ที่ เติม éd. 1958
- คำศัพท์บทที่ 3 “วีดีโอเพิ่มเติมจากการเรียนออนไลน์ (19/7/64)” - YouTube
- หลักการเติม ed ท้ายคำกริยาคืออะไรกัน การเติมง่ายๆ แต่มันก็หลายแบบนะจ๊ะ - ภาษาอังกฤษออนไลน์
ฉันรู้สึกเบื่อ (เซ็ง ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น) I am boring. ฉันน่าเบื่อ (ไม่มีใครอยากคบ อยากคุยกับฉัน) โครงสร้างของประโยค S + linking verb + adj ed, ing S = Subject คือ ประธานของประโยค Linking verb คือ กริยาเชื่อมทั้งหลาย เช่น is, am, are, was, were, seem, sound, feel, etc. adj ed, ing คือคำคุณศัพท์ที่เติม ed กับ ing อ่านเพิ่มเติม >> Linking verb คืออะไร ed รู้สึก… ใครรู้สึก? ก็ประธานของประโยคไง เช่น ฉัน คุณ เขา เด็กชาย ไก่ ลิง พระ เด็ก เป็นต้น เราจะแปลว่า รู้สึก หรือไม่ต้องแปลว่ารู้สึกก็ได้ I am bored. I won't do anything today. ฉันเบื่อ ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นวันนี้ I am confused. I don't know which way to go. ฉันรูสึกสับสบ ฉันไมรู้จะไปทางไหนดี Everyone was impressed when the show ended. ทุกคนรู้สึกประทับใจ เมื่อการแสดงจบลง Jane sounded pleased when she passed the exam. เจนดูเหมือนรู้สึกพอใจที่หล่อนสอบผ่าน I am interested in this job. ฉันสนใจในงานนี้ I am deeply disappointed in you. ฉันผิดหวังในตัวเธออย่างมาก ing น่า… ใครน่า…? ก็ประธานของประโยคอีกนั่นแหละ เช่น น่าเบื่อ น่าสับสน น่าประทับใจ เป็นต้น I am boring.
วิธีการทำ Flash card จำคำศัพท์ – ED-ENG
หลักการอ่านคำกริยาปกติที่เติม -ed การอ่านออกเสียง ed หลักในการอ่านคำกริยาปกติที่เติม -ed มี 3 ข้อดังนี้ 1. ถ้ากริยาลงท้ายเสียงด้วย /t/ ถึ เมื่อเติม -ed ท้ายคำแล้ว ให้อ่านเป็น "ทิด" หรือ "เท็ด" และถ้าคำกริยาลงท้ายด้วยเสียง /d/ ดึ เมื่อเติม -ed ท้ายคำแล้วให้ออกเสียงเป็น "ดิด" หรือ "เด็ด" เช่น wanted ว้อนเท็ด ต้องการ deleted ดีเลีทเท็ด ลบล้าง acted แอ็คเท็ด แสดง needed นีดเด็ด handed แฮนเด็ด ส่ง faded เฟดเด็ด จาง, เลือนราง 2. คำกรึย่าที่ลงท้ายด้วยเสียง /f/, /k/, /p/, /s/, /sh/, /ch/ และ /x/ เมื่อเติม -ed แล้ว อ่านออกเสียงเป็น "ถึ" เช่น laughed ลาฟถึ หัวเราะ picked พิคถึ เก็บ chopped ช็อพถึ ตัด, สับ, หั่น decreased ดีครีสถึ ลดลง crashed แครชถึ ชน, ปะทะ hatched แฮทชถึ กก, ฟักไข่ relaxed รีแล็กซถึ ผ่อนคลาย 3. คำกริยาที่มีเสียงท้ายนอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 เมื่อเติม -ed แล้วให้อ่านออกเสียงเป็น "ดึ" เช่น bloomed บลูมดึ เบ่งบาน stabbed สแต็บดึ แทง stared สแตร์ดึ จ้องมอง smiled สไมล์ดึ ยิ้ม signed ไซน์ดึ เซ็นชื่อ หมายเหตุ: คำกริยาบางคำเมื่อเติม -ed แล้วจะมีรูปตรงกับคำคุณศัพท์ หรือ Adjectives ซึ่งต้องสังเกตุให้ดี เมื่ออยู่ในประโยค และการอ่านคำคุณศัพท์ที่มี -ed ท้ายคำนั้นไม่ได้เป็นไปตามกฏเหมือนการอ่าน -ed ท้ายคำกริยาปกติ
กฏการเติม ed ที่คำกริยา
คำศัพท์บทที่ 3 "วีดีโอเพิ่มเติมจากการเรียนออนไลน์ (19/7/64)" - YouTube
คํา ศัพท์ ที่ เติม éd. 1958
- สาย การ บิน อู่ ตะเภา มี อะไร บ้าง
- กริยา 3 ช่อง 200 คํา พร้อมคำอ่าน คำแปล: หลักการอ่านคำกริยาปกติที่เติม -ed
- ชี้เป้า 5 แบรนด์ ที่ชาร์จไร้สาย samsung น่าโดน ปี 2019
หนึ่งในเทคนิคช่วยให้จำคำศัพท์ภาษาอังกฤษก็คือการเขียนการ์ดคำศัพท์ หรือ Flash Cards เป็นวิธีที่นักเรียนต่างชาติใช้แล้วได้ผลมานักต่อนัก โดย เราสามารถทำ Flash Card ได้ง่ายๆด้วยตัวเอง แถมได้ผลสุดๆเลยครับ สำหรับคนที่สนใจอยากลองเรียนภาษาอังกฤษแบบใหม่ๆนอกตำราเรียน ผมได้นำ 8 วิธีการสร้าง Flash Card สำหรับการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จาก WikiHow มาฝากครับ เรามาดูกันเลยว่าต้องทำยังไงบ้าง 1. เตรียมการ์ดคำศัพท์ ซื้อ Flash Card สำเร็จรูป หรือตัดเอาเองก็ได้ตามขนาดที่ต้องการ ควรใช้กระดาษที่หนาทึบ จะได้มองไม่เห็นด้านหลังนะครับ 2. เขียนคำศัพท์ลงบนการ์ดด้านหน้า เลือกคำศัพท์ที่เราต้องการจำให้ได้ หรืออาจเป็นคำศัพท์ที่จะจำไปสอบก็ได้ 3. เขียนคำตอบลงบนการ์ดด้านหลัง เขียนความหมายของคำศัพท์นั้นๆไว้ด้านหลัง อาจเขียนความหมายเป็นภาษาอังกฤษจะได้ฝึกไปในตัวครับ ถ้ามีประโยคตัวอย่างได้ด้วยยิ่งดี 4. ทำการ์ดให้มากเท่าที่จะทำได้ พอได้การ์ดเยอะๆแล้ว เราอาจแยกการ์ดเป็นกลุ่มๆตามหมวดหมู่ของคำศัพท์ เช่น กลุ่มหนึ่งเป็นศัพท์ในการสอบ TOEIC อีกกลุ่มเป็นคำศัพท์ที่อ่านเจอในหนังสือพิม์ภาษาอังกฤษ 5. เพิ่มระดับความยากของการ์ดคำศัพท์ ถ้าอยากลองวิธีที่แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย ก็ให้เขียนคำตอบด้านหลังให้เชื่อมโยงกับคำศัพท์ด้านหน้า เช่นตัวอย่างในภาพนี้เขียนคำว่า Romeo ไว้ด้านหน้า ด้านหลังอาจเขียนรายชื่อตัวละครอื่นๆในเรื่อง Romeo and Juliet เป็นต้นครับ 6.
คำศัพท์บทที่ 3 “วีดีโอเพิ่มเติมจากการเรียนออนไลน์ (19/7/64)” - YouTube
คำที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d love > loved รัก like > liked ชอบ hate > hated เกลียด move > moved ย้าย dance > danced เต้น die > died ตาย change > changed เปลี่ยน arrive > arrived มาถึง 2. คำที่มีสระตัวเดียวเสียงสั้น และตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีกตัว แล้วเติม ed สระเสียงสั้นได้แก่ a (แอะ) e (เอะ) i (อิ) o (เอาะ) u (อะ, อุ) beg > begged ขอ stop > stopped หยุด rob > robbed ปล้น tap > tapped ตบเบาๆ plan > planned วางแผน rub > rubbed ปล้น 3. คำที่ลงท้ายด้วย y มี 2 ประเด็นดังนี้ 3. 1 หน้า y เป็นสระ a e i o u ให้เติม ed ได้เลย enjoy > enjoyed ชอบ play > played เล่น stay > stayed พัก delay > delayed ล่าช้า obey > obeyed เชื่อฟัง destroy > destroyed ทำลาย 3. 1 หน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed cry > cried ร้องให้ study > studied ศึกษา try > tried พยายาม fry > fried ทดอ copy > copied คัดลอก carry > carried ถือ 4. คำที่ลงท้ายด้วย c ให้เติม k ก่อนเติม ed picnic > picnicked ไปปิคนิค traffic > trafficked ค้าของผิดกฎหมาย mimic > mimicked ล้อเลียนคำพูดหรือท่าทาง 5. คำที่มีสองพยางค์ขึ้นไป – เน้นเสียงพยางค์หลังสุด – มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว – ให้เพิ่มตัวสะกดอีกตัว ก่อนติม ed ad mit > admitted รับ reg ret > regretted รู้สึกเสียใจ com mit > committed ทำ (ผิดกฏหมาย) per mit > permitted อนุญาต แต่ถ้าไม่ได้เน้นเสียงหลังสุดให้เติม ed ต่อท้าย o pen > opened เปิด hap pen > happened เกิดขึ้น ex it > exited ออก li mit > limited จำกัด vi sit > visited เยี่ยม lis ten > listened ฟัง ุ6.
หลักการเติม ed ท้ายคำกริยาคืออะไรกัน การเติมง่ายๆ แต่มันก็หลายแบบนะจ๊ะ - ภาษาอังกฤษออนไลน์
หลักไวยากรณ์ข้อหนึ่งที่คุณเรียนเมื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆก็คือ เมื่อต้องการทำให้คำนามอยู่ในรูปพหูพจน์ให้เติม 's' เสมอเพื่อบอกให้รู้ว่ามันมีมากกว่าหนึ่งนะ ตัวอย่างเช่น ถ้าที่บ้านของคุณมีโทรทัศน์อยู่มากกว่าหนึ่งเครื่อง คุณต้องพูดว่า "I have two televisions in my house. " แล้วคุณรู้หรือไม่ว่ามีคำนามบางคำที่ไม่สามารถเติม 's' ได้?
สต็อปเป็ด ก็ไม่มี!! 2. ออกเสียง d (ออกเสียงคล้ายๆ ดึ แต่ไม่ถึงกับออกเสียงสระอึ) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียงก้อง เช่น b m w v n l z r j g แต่ยกเว้น d ตัวอย่างเช่น Learned (เลิร์นด) ลงท้ายด้วยเสียง n ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d Loved (เลิฟด) ลงท้ายด้วยเสียง v ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น d Occurred (เอิกเคอร์ด) แม้จะมี r สองตัว ed ก็ยังออกเสียงเป็น d ไม่มีเอิกเคอร์ริด 3. ออกเสียง id (อิด) ก็ต่อเมื่อคำกริยานั้นลงท้ายด้วยเสียง t หรือ d ตัวอย่างเช่น Tested (เทสทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id Needed (นีดิด) ลงท้ายด้วยเสียง d ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id Submitted (เสิบมิทิด) ลงท้ายด้วยเสียง t ฉะนั้นออกเสียง ed เป็น id หลักการออกเสียงคำกริยาเติม ed ก็มีแค่นี้แหละ แต่เดี๋ยวก่อน!