รองเท้า ขึ้น รา น้ํา ส้ม สายชู
ไม่ว่าจะกำจัดเชื้อรา (ทั้งราดำเป็นปื้นและราขาวเป็นด่างดวง) บนเฟอร์นิเจอร์ รถ รองเท้า หรือเสื้อหนัง ก็ต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุด ตอนทำความสะอาดต้องทดสอบน้ำยา (ทั้งน้ำยาสำเร็จรูปและของใช้ที่มีในบ้าน) ก่อนใช้จริง และทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นหนังนั้นอย่างเบามือ วิธีการ 1 ของ 4: ทำความสะอาดหนังกลับและหนังนูบัค 1 ทาปิโตรเลียมเจลลี่เคลือบ. ลองทดสอบใช้ปิโตรเลียมเจลลี่แค่จุดเล็กๆ ในที่ลับตาก่อน แล้วค่อยทาปิโตรเลียมเจลลี่เคลือบเป็นชั้นบางๆ บริเวณที่ขึ้นรา หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังกลับ (suede) โดยเฉพาะ แต่ต้องอ่านคำแนะนำการใช้งานและข้อควรระวังให้ดี ว่าใช้กำจัดเชื้อราได้จริง หนังนูบัค (nubuck) จะเปลี่ยนสีง่ายหรือสีด่างง่าย เพราะงั้นต้องทดสอบใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก่อนใช้จริง [1] 2 ใช้แอลกอฮอล์ผสมน้ำ. ถ้าราเยอะ ชัด ให้ผสมแอลกอฮอล์กับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากัน ถ้ารายังอยู่หลังใช้ปิโตรเลียมเจลลี่หรือน้ำยาทำความสะอาดหนังกลับแล้ว ให้ลองใช้แอลกอฮอล์ผสมน้ำทำความสะอาดที่ผ้าดู [2] ทดสอบแอลกอฮอล์ผสมน้ำแค่จุดเล็กๆ บริเวณที่ขึ้นราก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าสีไม่ตกไม่ด่าง 3 เช็ดรา mildew แบบด่างดวงออก. เอาฟองน้ำหรือผ้าขี้ริ้วชุบน้ำให้เปียกหมาด จากนั้นป้ายปิโตรเลียมเจลลี่หรือน้ำยาทำความสะอาดหนังกลับ แล้วใช้ผ้าหรือฟองน้ำเช็ดถูบริเวณที่ขึ้นราเบาๆ ถ้าราขึ้นหนักมากก็ให้ทำแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ผสมน้ำแทน ทำซ้ำเท่าที่จำเป็น แต่อย่าฝืนหรือถูแรงขึ้นถ้าราไม่ออกจริงๆ เพราะอาจทำวัสดุที่เป็นหนังนั้นเสียหายได้ [3] 4 รอจนหนังแห้ง.
เอาอยู่ง่ายๆ!แค่"น้ำส้มสายชู"ก็กำจัดเชื้อราได้
ไม่ใช่เรื่องความอดอยาก แต่เป็นความอยากได้ ซึ่งขั้นตอน ก็แค่ใส่น้ำสมสายชูใส่กระบอกฉีดโดยไม่ต้องผสมน้ำเปล่า ก่อนนำไปพ่นบริเวณเบาะที่เกิดเชื้อรา หรือจะฉีดพ่นให้ทั่วห้องโดยสาร หรือบริเวณจุดอับที่ยากต่อการทำความสะอาด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. แต่หากไม่มั่นใจว่าเอาอยู่ ก็ฉีดพ่นซ้ำอีกครั้ง หลังจากนั้นค่อยนำผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดออกเป็นอันจบเรียบร้อย ก่อนใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดทุกครั้ง แนะนำว่า ควรสวมถุงมือ แว่นตาป้องกัน และหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลต่ออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทั้งหมดเป็นวิธีคร่าวๆที่ทางทีมข่าว "เนชั่นทีวีออนไลน์" รวบรวมไว้ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ หมั่นทำความสะอาดก่อนปล่อยให้เกิด จะตรงจุดแถมประหยัดเงินในกระเป๋าช่วงวิกฤติ โควิด-19
คุณอาจต้องซื้อเครื่องลดความชื้นถ้าหากว่าอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นมาก หรือถ้าบ้านมีการระบายอากาศไม่ดีและมีแนวโน้มว่าจะดึงดูดให้เชื้อราขึ้นได้ [10] ระบายอากาศบริเวณที่เปียกชื้น. เชื้อราเติบโตขึ้นในพื้นที่ที่มืดและชื้น ฉะนั้นให้ระบายอากาศและให้แสงส่องเข้ามาบริเวณที่เปียกชื้นให้มากที่สุดเพื่อควบคุมการเกิดเชื้อรา เปิดพัดลมขณะทำอาหาร อาบน้ำ หรือซักผ้าก็ดี [11] ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องซักผ้าควรมีระบบระบายอากาศอยู่ด้วย 5 ทำความสะอาดแอร์บ่อยๆ.
ต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อที่น้ำส้มสายชูจะได้ทำปฏิกิริยากับเชื้อราและทำลายมัน รออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะกลับมาขัดมันออกไป 6 ใช้แปรงและน้ำอุ่นขัดราออก. โดยใช้แปรงขัดบริเวณที่ฉีดน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ ขณะที่ใช้อยู่ก็คอยล้างแปรงให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นด้วย [4] การใช้แปรงขัดจะทำให้กำจัดเชื้อราได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผิวของคุณไม่สัมผัสกับน้ำส้มสายชูขณะทำความสะอาดอีกด้วย หาแปรงที่มีขนาดเหมาะสมกับการทำงาน อาจต้องใช้แปรงขนาดใหญ่เพื่อขัดพื้นผิวที่มากหน่อย หรือแปรงขนาดเล็กเพื่อเข้าไปขัดในรอยแตกหรือมุม 7 เช็ดให้สะอาด. เมื่อกำจัดราออกไปแล้ว ให้ใช้น้ำอุ่นเช็ดบริเวณนั้นให้สะอาดและปล่อยให้แห้ง ถ้ารายังฝังแน่นอยู่ ให้เริ่มขั้นตอนใหม่หมดจนกว่าราจะถูกกำจัด [5] น้ำส้มสายชูมักจะส่งกลิ่นไว้ด้วย ซึ่งก็จะจางหายไปเองในไม่กี่ชั่วโมง 8 ผสมน้ำส้มสายชูกับอย่างอื่นเพื่อเพิ่มพลังการกำจัด.
- วิธีกำจัดราบนหนัง ขจัดคราบสกปรก ด้วยของใช้ใกล้ตัว
- ชุดสี wave125i (ไฟเลี้ยวบังลม) ยกชุด13ชิ้น เฟรมรถ เวฟ125i - KK MOTORS WANDAN - ThaiPick
- Mod gta san รถ กระบะ แต่ง
- Luang ta (1980) หลวงตา | hengku666 ดูหนังออนไลน์ฟรี HD ดูอนิเมะออนไลน์ หนังใหม่
- Samsung note 10 plus ส เป ค mobile
- Dr romantic 2 ซับ ไทย ep 23
- ::โรงเรียนอนุบาลสามเสน:: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
- Attack on titan season 4 ตอนที่ 14 youtube
- โปรแกรม ระบบ จัดการ ฐาน ข้อมูล
- วิธี ทำ เกลียว อัด ถ่าน
- ผล หวย ฮานอย ปี 63 ans
- หลอด led t8 22w philips series
กระทู้คำถาม รองเท้าขึ้นราค่ะ สีขาวด้วยพึ่งใส่ไปแค่ 3 ครั้งเอง ขึ้นข้างเดียวอีกข้างไม่ขึ้น น่าจะเกิดจากฝนตกอ้ะค่ะ เสียดายมาก ทำไงดีคะ? 0 แสดงความคิดเห็น กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ราดำหรือ Stachybotrys Chartarum นั้นทั้งไม่น่ามอง และยังมีแววว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพในครัวเรือนอีกด้วย ปัญหาเรื่องราขนาดใหญ่สามารถจัดการได้อย่างเชี่ยวชาญโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่จำเป็นในการกำจัดราออกจากบ้าน ราที่มีขนาดเล็กกว่า อาจใช้แค่น้ำส้มสายชูใสกลั่นจัดการแบบออร์แกนิกก็พอแล้ว ส่วน 1 ของ 2: การกำจัดรา 1 ตัดสินใจจะกำจัดเชื้อรา. ราที่เติบโตขึ้นในบ้านของคุณอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพรุนแรงได้ คนที่แพ้ราจะรู้สึกระคายเคืองในคอ ที่ตา บนผิวหนัง และในปอดได้เลย การกำจัดราจะช่วยให้บ้านสะอาด ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพมากขึ้นนั่นเอง [1] เชื้อราอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้ เชื้อราเป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจและปอดด้วย เชื้อราทำให้ไอ หายใจเสียงดัง และจะไปเพิ่มอาการโรคหอบหืดอีกเช่นกัน 2 สวมถุงมือที่ไม่มีรูขณะที่ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู. น้ำส้มสายชูเป็นวัสดุจากธรรมชาติและเป็นออร์แกนิก แต่การสัมผัสน้ำส้มสายชูโดยตรงอาจเป็นการระคายเคืองต่อผิวคุณได้ ให้ป้องกันด้วยการสวมถุงมือขณะที่ใช้น้ำส้มสายชูอยู่ด้วยนะ 3 เติมน้ำส้มสายชูใสลงในขวดสเปรย์. อย่าผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าล่ะ ดูให้แน่ใจว่าคุณมีน้ำส้มสายชูพอที่จะใช้กับบริเวณที่คุณต้องการจะทำความสะอาดดี [2] 4 ฉีดน้ำส้มสายชูให้ทั่วบริเวณที่มีรา.
ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากัน จากนั้นทดสอบแค่จุดเล็กๆ ของหนัง ถ้าไม่ด่าง สีไม่เปลี่ยน แสดงว่าใช้กำจัดเชื้อราต่อได้เลย แค่อย่าใช้เยอะจนชุ่มหนังก็พอ [13] เช็ดให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้งสนิท. เอาผ้านุ่มๆ ชุบน้ำส้มสายชูผสมน้ำ แล้วเอาไปเช็ดทำความสะอาดหนังเบาๆ ห้ามขัดถูแรงๆ เพราะอาจเสียหายได้ เสร็จแล้วก็ผึ่งลมไว้จนแห้งสนิท ปกติวิธีนี้จะใช้กับรองเท้าหนังได้ผลดี แต่ก็ใช้กำจัดราตามสิ่งของอย่างอื่นที่ทำจากหนังได้เช่นกัน ขอแค่ทดสอบน้ำส้มสายชูที่ผสมแล้วนี้ก่อนใช้งานจริง จะได้แน่ใจว่าหนังไม่ด่างไม่ลอก วิธีการ 4 ของ 4: ทำความสะอาดหนังที่ไม่ได้เคลือบ ใช้ saddle soap.
แชมพูเด็ก อีกหนึ่งไอเทมที่ช่วยทำความสะอาดและกำจัดราบนหนังได้ก็คือ แชมพูเด็ก เริ่มด้วยการนำผ้าเปียกมาเช็ดคราบราบนหนังออกก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำผ้าอีกผืนไปจุ่มแชมพูเด็กหรือสบู่สูตรอ่อนโยนเพื่อเช็ดทำความสะอาดคราบราบนหนังอีกครั้ง รอจนกระทั่งหนังแห่งสนิทอีกที เสร็จแล้วก็เช็ดน้ำยาเคลือบบำรุงหนัง เพื่อช่วยป้องกันเชื้อรา 3. เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาถือเป็นไอเทมเด็ดในการกำจัดราบนหนัง เพราะไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย แถมยังใช้กับหนังสีขาวได้แบบสีไม่ตก โดยวิธีการทำความสะอาดก็ง่าย ๆ เพียงแค่โรยเบกกิ้งโซดาลงไปให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก เท่านี้ก็จะช่วยกำจัดเชื้อราต่าง ๆ ออกไปได้แล้ว ส่วนสำหรับคนที่ต้องการทำความสะอาดเฉพาะจุด ให้ผสมเบกกิ้งโซดา น้ำอุ่น และน้ำส้มสายชูกับน้ำยาล้างจานประมาณ 2-3 หยด เข้าด้วยกัน จากนั้นนำผ้ามาจุ่มให้เปียกเล็กน้อย เสร็จแล้วก็นำไปเช็ดตามซอกหรือมุมที่ต้องการได้เลย 4. น้ำส้มสายชู หลังจากนำแปรงขนอ่อนมาปัดคราบราออก และนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดจนเกลี้ยงแล้ว ให้ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วน กับน้ำสะอาด 1 ส่วน เข้าด้วยกัน แล้วผ้าขนนุ่มมาจุ่มให้พอเปียก จากนั้นก็นำไปเช็ดจนกระทั่งคราบหลุดออกหมด เสร็จแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง แค่นี้ก็ช่วยกำจัดราบนหนังได้อยู่หมัดแล้วค่ะ 5.
รอจนหนังกลับหรือหนังนูบัคที่ทำความสะอาดไปแห้งสนิท แล้วคืนผิวสัมผัสให้กลับเป็นเหมือนเดิมโดยใช้แปรงสำหรับหนังกลับโดยเฉพาะ แปรงนี้หาซื้อได้ทั้งในเน็ตและร้านขายรองเท้าทั่วไป [4] ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วรายังไม่หาย ก็ต้องปรึกษาร้านหรือบริษัทรับกำจัดราบนหนังกลับโดยเฉพาะ [5] วิธีการ 2 ของ 4: กำจัดเชื้อราด้วยสบู่ 1 กำจัดราด้านบน. ใช้แปรงขนนุ่มแปรงเอาเชื้อราที่ลอยเกาะอยู่ตามผิวนอกของวัตถุนั้นออก แต่ต้องทำขั้นตอนนี้นอกบ้าน เพราะสปอร์ของเชื้อราจะฟุ้งกระจายทั่วบ้านได้ ถ้าแปรงเก่าหน่อยต้องล้างทำความสะอาดก่อน [6] 2 ดูดฝุ่นที่หนัง. ถ้าหนังมีแผ่นหรือรอยยับที่ราเข้าไปซุกได้ ก็ต้องเอาหัวเครื่องดูดฝุ่นมาจ่อแล้วดูดกำจัดออกไป ดูดฝุ่นเสร็จให้รีบเททิ้งจากกระบอกหรือถุงเก็บฝุ่น เพราะเดี๋ยวสปอร์เชื้อราจะกระจายได้ สรุปแล้วคือดูดฝุ่นเสร็จแล้วต้องรีบเอาเชื้อราไปทิ้งนอกบ้านให้เร็วที่สุด [7] ฟอกสบู่. วิธีนี้ต้องเช็คก่อนว่าเป็นหนังที่เคลือบป้องกันแล้ว ไม่งั้นห้ามทำให้เปียกเด็ดขาด finished leather ก็คือหนังที่เคลือบสีด้านบน ขั้นตอนคือให้ใช้ฟองน้ำชุบสบู่มาฟอกหนังให้เป็นฟองเยอะๆ แล้วใช้ผ้าเปียกหมาดเช็ดออก [8] ห้ามทำให้หนังเปียกชุ่ม เพราะจะเสียหายได้ ทดสอบก่อนว่าหนังจะด่างไหม โดยหยดน้ำใส่แค่นิดเดียวก่อน ถ้าน้ำทำหนังสีเข้มขึ้นหรือเป็นรอย ก็แสดงว่าฟอกด้วยน้ำกับสบู่ไม่ได้ ถ้าราขึ้นแถวซิป เป็นไปได้ว่าราหรือแบคทีเรียเข้าไปถึงหมอน/ฟองน้ำหรือผ้าข้างในแล้ว แบบนี้ต้องกำจัดราข้างในด้วย หรือเปลี่ยนไส้ใหม่ไปเลย เช็ดออกด้วยแอลกอฮอล์เจือจาง.